สืบนครบาลและสืบ 111 บุกรวบ “น้องแอลดา” คาห้องส้วม สาวสองกวาดทรัพย์-แบล็กเมล นักธุรกิจชาวต่างชาติ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (29 ส.ค.) ตำรวจได้จับกุมตัว นายสิทธิ์ (ขอสงวนนามสกุล) หรือ น้องแอลดา อายุ 30 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ จ.793/2566 ลงวันที่ 29 ส.ค.2566 โดยกล่าวว่า ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน, ใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่ผู้ออกได้ออกให้แก่ผู้มีสิทธิใช้เพื่อประโยชน์ในการชำระค่าสินค้า ค่าบริการหรือหนี้อื่นแทนการชำระด้วยเงินสด หรือใช้เบิกเงินสด
นอกจากนี้ ยังพบว่ามีประวัติเคยก่อเหตุยักยอกเงินของนายจ้างเมื่อปี 2563 พื้นที่ สน.โชคชัย
สืบเนื่องจาก เมื่อคืนวันที่ 19 ส.ค. ที่ผ่านมา หนุ่มใหญ่นักธุรกิจชาวเดนมาร์ก อายุ 78 ปี ได้รู้จักกับน้องแอลดา ผ่านแอปฯ หาเพื่อน จึงนัดพบกันที่ดาดฟ้าของโรงแรมชื่อดัง ย่านสุขุมวิท หลังพูดคุยกันเพียง 1 ชั่วโมง ทั้งสองจูงมือเข้าห้องพักกว่า 2 ชั่วโมง
กระทั่งหนุ่มใหญ่ชาวยุโรป อายุ 78 ปี สลบไสล ผู้ต้องหาได้ลงมือกวาดทรัพย์สินของหนุ่มใหญ่ไปหมด โทรศัพท์, เงินสด และบัตรเครดิต มูลค่ากว่า 40,000 บาท เหลือเพียงเสื้อผ้าไว้ให้ดูต่างหน้าเท่านั้น
ซ้ำยังส่งข้อความมาไถเงินอีกกว่า 35,000 บาท หวังแบล็กเมลหนุ่มใหญ่เกี่ยวกับรสนิยมทางเพศ แต่ผู้เสียหายได้เดินทางไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที และยังได้ขอความช่วยเหลือมาทางเพจสืบนครบาล IDMB ให้ช่วยติดตาม
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. เปิดเผยว่า ผู้เสียหายเป็นชาวต่างชาติชื่นชอบเมืองไทยมาเป็นเวลากว่า 8 ปี เรื่องนี้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียงการท่องเที่ยวในประเทศไทย จึงเร่งส่งมือดีชุดสืบนครบาล และสืบ 111 ติดตาม ซึ่งได้รับความร่วมมือจากโรงแรมที่เกิดเหตุเป็นอย่างดี
จนกระทั่งนำกำลังจับตัวได้ที่ซอยอินทามาระ 37 แขวงดินแดง เขตดินแดง จ.กรุงเทพฯ โดยจับได้คาห้องส้วมขณะกำลังถ่ายหนักอยู่ในห้องน้ำ
ในชั้นจับกุม นายสิทธิ์ หรือ น้องแอลดา ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่าตนเองเป็นสาวประเภท 2 ซึ่งยังไม่ได้แปลงเพศ และจะชอบนัดหลับนอนกับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติอยู่บ่อยครั้ง โดยที่เป็นคดีนี้ตนเองรู้จักกับเหยื่อได้เพียง 1 วัน จากนั้นได้นัดหมายให้ไปเจอกันเพื่อมีเพศสัมพันธ์ โดยมีเพศสัมพันธ์กัน 5 ครั้ง
ซึ่งตนเองรู้สึกเจ็บทวารแต่ไม่ได้เงินทิป จึงเกิดอารมณ์โมโห กระทั่งเหยื่อได้หลับสนิท ตนเองจึงตัดสินใจลงมือขโมยทรัพย์สิน โดยเอาเงินสด, โทรศัพท์ และบัตรเครดิตของเหยื่อไป และหลังจากนั้นได้นำบัตรเครดิตไปรูดซื้อโน้ตบุ๊ก ส่วนโทรศัพท์ได้นำไปขายต่อให้กับคนรู้จักย่านดินแดง โดยตอนนี้สำนึกและขอโทษที่ทำให้ประเทศชาติเสียชื่อเสียง
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า ชาวต่างชาติเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทยปัจจัยสำคัญข้อแรกคือ ความปลอดภัย เหตุการณ์เช่นนี้สร้างผลกระทบต่อการท่องเที่ยวและภาพลักษณ์ของประเทศไทย ขอประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบธุรกิจการท่องเที่ยวช่วยกันระวังภัยทุกรูปแบบ
หรือหากท่านพบเบาะแสสามารถแจ้งมาได้ที่ บก.สส.บช.น. ทางโทรศัพท์หรือช่องทางเฟซบุ๊กเพจ สืบสวนนครบาล IDMB เรามีเจ้าหน้าที่ประสานงานตลอด 24 ชั่วโมง แม้ไม่ใช่คดีอุกฉกรรจ์ แต่หากเป็นความเดือดร้อนของประชาชน เราทำทันที ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.