21 พฤศจิกายน 2024

อดีต ผอ. ยิง 4 ศพ ทิ้งข้อความสุดท้ายไว้ในรถ แม่เผยปมแค้น เมียให้ผัวใหม่เป็นทนายยื่นฟ้อง ฮุบบ้านที่สร้างด้วยกัน

วันที่ 23 ก.ค.67 พล.ต.ต.รุทธพล เนาวรัตน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ได้เดินทางไปตรวจสอบจุดที่ นายปฐพี อายุ 52 ปี อดีต ผอ.โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ ขับรถมาจอดแล้วลั่นไกปืนลูกซองยาว ยิงตัวเองเสียชีวิตภายในรถต่อหน้าตำรวจระหว่างโดน ถาดรองขนม ถาดรองขนมไหว้พระจันทร์ ปิดล้อมไว้ หลังใช้อาวุธปืนลูกซองยาวกระบอกเดียวกัน ยิงนางสาวดวงเดือน อายุ 41 ปี ผอ.โรงเรียนใน จ.ศรีสะเกษ อดีตภรรยา เสียชีวิตพร้อมมารดา น้าเขย และสามีใหม่ของนางสาวดวงเดือนซึ่งเป็นทนายความ รวมเสียชีวิต 4 ราย เหตุเกิดเมื่อเวลา 21.30 น. (23 ก.ค.67)

อดีต ผอ. ปืนโหด ฆ่ายกครัวเมียเก่า 4 ศพ จนมุมยิงตัวเองดับคารถต่อหน้าตำรวจ
พล.ต.ต.รุทธพล เนาวรัตน์ กล่าวว่า เหตุดังกล่าวถือเป็นเหตุสะเทือนขวัญ เพราะมีผู้เสียชีวิตทั้งหมดรวม 5 คน ทั้งนี้ต้องขอชื่นชมการทำงานของตำรวจ สภ.ประโคนชัย มีทำงานตามยุทธวิธี เบื้องต้นเป็นคดีที่ไม่ซับซ้อน และมีมูลเหตุชัดเจนคือเรื่องครอบครัว เนื่องจาก ผอ.มีการเตรียมการไว้แล้ว ทั้งลาออกจากราชการได้ประมาณเดือนเศษที่ผ่านมา มีการเขียนจดหมายไว้กับกระดาษใต้เท้าในรถ ข้อความว่า “ถ้าตายไม่ต้องตั้งสวดนะ เผาได้เลยแต่นำเอากระดูกกลับ” พร้อมกับเขียนชื่อพ่อแม่และเบอร์ศัพท์เอาไว้

ทางตำรวจ สภ.ประโคนชัย บุรีรัมย์ จะทำคดีแค่การพิสูจน์หลักฐาน ส่วนคดีหลักต้องให้ต้นทางคือจังหวัดศรีสะเกษ เจ้าของพื้นที่เป็นผู้ดำเนินการต่อไป

ขณะที่นางลอย อายุ 77 ปี แม่นายปฐพีที่เสียชีวิต เล่าว่าลูกชายออกจากบ้านไปตั้งแต่วันที่ 19 ก.ค. บอกแม่ว่าจะไปเที่ยว จนกระทั่งมาทราบข่าว นางลอย เล่าด้วยว่า ผอ.ฝ่ายหญิง เคยพาลูกติดมาที่บ้าน ตอนนั้นเด็กยังตัวเล็ก ตนไม่ได้ว่าอะไร เพราะลูกชายได้หย่าร้างกับภรรยาเก่าไปแล้ว ส่วนหลาน 2 คนคือลูกของลูกชาย โตเป็นหนุ่มไปทำงานแล้ว ก่อนหน้านี้ได้มีหนังสือจากศาลมาส่งที่บ้าน 2 ครั้ง แต่ไม่รู้ว่าถูกฟ้องเรื่องอะไร เพราะลูกชายไม่เคยบอก

ส่วนสาเหตุที่แท้จริง ส่วนตัวตนเชื่อว่าลูกชายคับแค้นใจเพราะบ้านที่จังหวัดศรีสะเกษ ลูกชายเป็นคนร่วมสร้าง แต่ฝ่ายหญิงกลับไปมีสามีใหม่ซึ่งเป็นทนายอายุน้อยกว่า และฟางเส้นสุดท้ายที่ลูกชายแค้นคือการที่ถูกฝ่ายหญิงฟ้อง เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกชายเข้าไปยุ่งเกี่ยว จึงตัดสินใจก่อเหตุดังกล่าว

Related News