ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (17 ม.ค.) เมื่อเวลา 08.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สูงเม่น นำกำลังเข้าตรวจสอบบ้านหลังหนึ่งหลังโรงงานผลิต กระดาษลูกฟูก,กระดาษลูกฟูกม้วน ม.2 บ้านโฮ้ง ต.พระหลวง อ.สูงเม่น จ.แพร่ และบ้านอีกหลัง ม.4 ต.ดอนมูล อ.สูงเม่น จ.แพร่ ซึ่งเป็นบ้านของ นายนรินทร์ อายุ 46 ปี
กรณีดังกล่าว สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 6 พ.ย.2562 นางปราณี อายุ 72 ปี ได้เข้ามาแจ้งความว่า นางละเอียด อายุ 77 ปี นายนิพนธ์ อายุ 79 ปี สามี และ นายนราพันธ์ อายุ 41 ปี ลูกชาย ซึ่งทั้ง 3 คน เป็นครอบครัวของพี่สาวตนเองหายตัวไปอย่างเป็นปริศนา
นางปราณี ระบุว่า ได้เคยไปถามนายนรินทร์ ลูกชายคนโตของพี่สาว ถึง นายนิพนธ์ ที่เป็นพี่เขย นายนรินทร์ก็บอกว่าไปแต่งงานใหม่อยู่ที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ต่อมาเมื่อถามหา นายนราพันธ์ นายนรินทร์ก็บอกว่าพ่อรับน้องไปอยู่ด้วย พอถามทำไมไม่กลับมาบ้านบ้าง ก็ตอบว่าไม่มา พอเราจะไปหาก็ไม่ให้ไป ขอเบอร์โทรศัพท์ ก็เอาเบอร์มาให้ แต่โทรไปก็ไม่มีคนรับ
ต่อมา นางละเอียด หายออกจากบ้านไปในช่วงปี 2559 ตนจึงไปถาม นายนรินทร์ก็บอกว่าน้องชายได้รับอุบัติเหตุ พ่อจึงรับแม่ไปดูน้อง ซึ่งตนเองก็เชื่อใจ เพราะเป็นหลานที่ดี คิดว่าพูดความจริง และถามตลอดว่าเมื่อไหร่นางละเอียดจะกลับมา นายนรินทร์ก็บอกว่าเดี๋ยวก็กลับมา แต่ก็ไม่มาสักที ทั้งที่ปกติแล้วนางละเอียดเป็นคนห่วงบ้านมาก
สำหรับสาเหตุที่เข้ามาแจ้งความ เนื่องจากนายนรินทร์นั้นประกาศขายบ้านและที่ดิน ทั้งที่เป็นชื่อของนางละเอียด โดยบอกว่าเมื่อขายบ้านแล้วจะนำเงินไปสร้างบ้านอยู่กับพ่อ เมื่อถามว่าพ่ออยู่ไหน ก็บอกว่าอยู่เพชรบูรณ์ ก็ให้เบอร์โทรศัพท์มา แต่ไม่เคยโทรติด
เมื่อเดือนที่แล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจไปตามหาและนำตัวนายนรินทร์ไปด้วย แต่ตนไม่ได้ไป เจ้าหน้าที่ก็กลับมาเล่าให้ฟังว่า นายนรินทร์ไม่ได้ช่วยหาแต่ดื่มเบียร์ระหว่างรอ ผลสุดท้าย ประมาณ 5- 6 โมงเย็น ก็บอกว่าพอเถอะไม่ต้องหา ตนโกหกทั้งนั้น
จนไม่นานมานี้ญาติที่สนิทกันเสียชีวิต แต่นางละเอียดก็ไม่มางานศพ และไม่ได้รับการติดต่อจากทั้งสามคนเลย เมื่อสอบถามก็ทราบเพียงว่าทั้งสามอยู่ที่จังหวัดเพชรบูรณ์ เมื่อขอเบอร์โทรศัพท์ก็ให้เบอร์ แต่ไม่มีใครสามารถติดต่อได้ จนเมื่อนายนรินทร์ประกาศขายบ้านและที่นาซึ่งเป็นชื่อของนางละเอียด จึงเกิดความสงสัยหนักขึ้น เมื่อมีคนเข้าไปถามว่าทำไมถึงขายนายนรินทร์ก็ได้บอกว่าจะไปสร้างบ้านใหม่ที่เพชรบูรณ์
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจและญาติๆ ได้ร่วมกันตรวจสอบบ้านทั้งสองหลัง บริเวณบ่อน้ำในบ้านและถังส้วม ภายในบ้านหลังแรกบริเวณรอบๆ พบร่องรอยการเผาทั่วบริเวณ และมีขี้เถ้าอยู่ในยางรถยนต์
ขณะที่ ชาวบ้านใกล้เคียงบ้านหลังแรก เล่าว่า เมื่อปี 2559 นั้น บ้านหลังนี้มีการเผายางรถยนต์เกือบทุกวัน ซึ่งเป็นช่วงเดียวกันกับที่นางละเอียดหายตัวไป ขณะที่บ้านหลังที่ 2 ซึ่งเป็นบ้านที่นายนรินทร์อาศัยอยู่ และเปิดเป็นร้านขายยางรถยนต์ พบบัตรประจำตัวประชาชนและบัตรประจำตัวผู้ป่วยโรงพยาบาลสวนปรุงของนายนราพันธุ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เก็บไว้เป็นหลักฐาน