21 พฤศจิกายน 2024

ฟังอีกมุม!! นายคมสิทธิ์ จังพานิช น้องชายนายกเทศมนตรีเมืองโพธาราม ราชบุรี แฟนหนุ่ม ส.ต.ท.นุช ยอมรับลงมือทำร้าย น้องเอ อดีตทหารจริง แต่ทุกอย่างมีเหตุผลทำไมถึงทำ เจ้าตัวรู้ดี เผย “ที่ผ่านมาฝ่ายผมโดนกระทำมาโดยตลอด ผมเงียบ แฟนผมตกเป็นจำเลยสังคมไปแล้ว ฟังความข้างเดียว ตัดสินกันหมด”

(23 ส.ค.65) จากกรณี นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง ได้ พา น้องเอ อดีตทหารหญิง ทหารในสังกัดกองทัพไทย ยศสิบตรี ผู้เสียหายที่ถูก ส.ต.ท.(หญิง) กรศศิร์ บัวแย้ม หรือ มาดามนุช อายุ 43 ปี ตำแหน่ง ผบ.หมู่ กก.4 บก.ส.1 ทำร้ายร่างกายอย่างทารุณกรรม ซึ่งถูกดำเนินคดีในข้อหา เป็นข้าราชการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบโดยบังคับใช้แรงงานอันเป็นความผิดฐานค้ามนุษย์ และ ทำร้ายร่างกายผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ถูกส่งตัวเข้าเรือนจำกลาง จ.ราชบุรี โดยศาลชั้นต้นไม่ให้ประกันตัว ทำให้ ส.ต.ท.กรศศิร์ บัวแย้ม ผู้ต้องหา ต้องถูกส่งเข้าเรือนจำกลางราชบุรี

โดยช่วงบ่าย เวลา 14.00 น. กัน จอมพลัง พร้อมด้วย น้อง เอ อดีตทหารรับใช้ ได้เดินทางไปแจ้งความเอาผิดให้ดำเนินคดีกับ นายคมสิทธิ์ จังพานิช น้องชายนายกเทศมนตรีเมืองโพธาราม ราชบุรี ที่ร่วมทำร้ายร่างกายด้วย ที่ สภ.ชะอำ จ.เพชรบุรี โดยมีนักข่าวจากหลายสำนักเดินทางไปร่วมทำข่าว

ขณะที่ทีมข่าวที่จังหวัดราชบุรีได้ติดต่อไปยัง นายคมสิทธิ์ จังพานิช ผู้ที่ถูกแจ้งความดำเนินคดีดังกล่าว เพื่อฟังความอีกมุม หลังจากทราบถึงความสัมพันธ์ที่ทั้งคู่ได้คบหากัน พร้อมทั้งสอบถามถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นทั้งหมด โดย นายคมสิทธิ์ พร้อมที่จะเปิดใจในทุกเรื่อง ให้ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านพักในอำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี

นายคมสิทธิ์ เล่าให้ฟังว่า ตนยอมรับว่าปัจจุบันเป็นแฟนของ ส.ต.ท.กรศศิร์ บัวแย้ม หรือ มาดามนุช ซึ่งคบหากันมาได้ 8 เดือนเศษแล้ว โดยการแนะจาก น้องเอ อดีตทหารหญิง ผู้เสียหาย ทำหน้าที่เป็นแม่สื่อแม่ชักให้รู้จักกัน เดิมตนเป็นหนุ่มโสด ในวันนั้นได้นัดกันไปซื้อ ถุงสูญญากาศ ถุงซีลสูญญากาศ และไปรับประทานอาหารที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งริมแม่น้ำแม่กลอง ในตำบลท่าชุมพล อำเภอโพธาราม ราชบุรี และ ส.ต.ท.กรศศิร์ มากับ น้องเอ อดีตทหารหญิง ก่อนที่น้องเอจะมาทำทีแลกเงินกับตน ก่อนจะนำไปสู่เส้นทางความรักของตนกับ ส.ต.ท.กรศศิร์ ซึ่งได้มาพบเจอกันบ่อยขึ้นที่ร้านอาหารแห่งนี้ จนกระทั่งตัดสินใจคบหากันและเป็นแฟนกันจนมาถึงปัจจุบัน และได้พามาเปิดเผยให้กับที่บ้าน ซึ่งทางครอบครัวก็รักและเอ็นดูทั้ง 2 คน จนทำให้ ส.ต.ท.กรศศิร์ และ น้องเอ ไปมาหาสู่เข้าออกที่บ้านได้เสมือนคนในครอบครัว อีกอย่างตนคบกันแบบเปิดเผย และที่ผ่านมาก็ไม่มี สว.คนใดเข้ามาในชีวิตของนุชเลย

สำหรับประเด็นเรื่องของ สว.ที่ถูกอ้างถึง นายคมสิทธิ์ เล่าว่า ตนพอจะทราบเรื่อง แต่มันก็คือเรื่องในอดีตของเขา ก็ไม่ได้เอามาใส่ใจ เพราะทุกคนต่างก็มีอดีตทั้งนั้น แต่ปัจจุบันก็พบเจอกันแทบจะทุกวัน บางวันเขาก็จะไปทำหน้าที่ผู้ประสานงาน สว. บางเวลาที่อยู่ด้วยกัน ก็จะเห็นรับงานจากการปฏิบัติหน้าที่ กอ.รมน. เห็นมีการส่งทางไลน์ ทางโทรศัพท์มาด้วย ทำงานทางโทรศัพท์เท่าที่เห็น ส่วนที่มีการบอกว่านุชอยู่แต่บ้าน ไม่ได้ออกไปทำงานข้างนอก ในเรื่องนี้ตนอยากให้ถามเอ ว่าได้ขับรถให้เขาไปไหนกี่ครั้ง เอจะเป็นคนขับรถพานุชเข้ากรุงเทพฯ ไปเรื่องงานตลอด เพราะ นุชขับรถไม่ค่อยเก่ง ตนก็อยากให้เอนึกย้อนใหม่นะว่าให้ข่าวไปนั้น เอรู้ทุกเรื่อง ให้ข่าวแบบหนึ่ง “พี่ขอร้อง เอ กี่ครั้ง เคยหยุดไหม และครั้งนี้ทำเกินไปแล้ว”

ผู้สื่อข่าวได้ถามถึงเรื่องประเด็นการทำร้าย น้องเอ อดีตทหารหญิง อย่างในคลิปหรือไม่ นายคมสิทธิ์ เล่าว่า เรื่องคลิปคนก็เพิ่งได้เห็นจากสื่อ แต่เหตุการณ์จริงเคยเห็น ในส่วนสาเหตุตนไม่ได้คุยกัน แต่ถาม เอว่าเป็นอะไร ทำไมต้องเป็นแบบนี้ เอบอกว่านุชป่วยเป็นโรคซึมเศร้า และรักษาตัวมา 2 ปี เพราะเออยู่กับเขามาประมาณ 6 – 7 ปีแล้ว แต่ตนเองเพิ่งมาคบกับนุช ซึ่งได้มีโอกาสได้เที่ยวกันที่หัวหิน เป็นครั้งแรกที่เห็นเหตุการณ์ที่นุชตบตีเอ ตนรู้สึกตกใจจึงเข้าไปห้ามจนเขาสงบลง และให้นุชกินยานอนหลับ แล้วจึงเรียกเอมาถามและเล่าให้ฟัง จึงทราบว่าเวลานุชมีอาการแบบนี้จากการเครียดโกรธดังเหตุการณ์ในคลิป โดยตนเองก็จะห้าม และเหตุครั้งที่ 2 ตนก็ห้ามและสอนไป เพราะรู้ปัญหาเกิดจากอะไร เอไปยั่วยุให้เขาโกรธ ไปยั่วยุให้โกรธทำไม คนก็ได้ถามเอว่าทำไมถึงไม่หยุดพฤติกรรมแบบนี้ พอไปยุเขาให้โกรธก็จะถูกกระทำ เลยขอร้องให้หยุดไม่งั้นก็จะไม่จบ “ปากก็บอกว่ารักนุช แต่ก็ยังทำซ้ำๆ กัน” แต่คนถ่ายคลิปที่เป็นประเด็นกล่าวถึงว่าเป็นตำรวจหนุ่มราชบุรีเป็นคนถ่ายนั้น ก็เป็นเรื่องในอดีต ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับตนเองก็เพิ่งมาเห็นคลิปเหมือนกัน

นายคมสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ตนก็เคยถูกนุชตี แต่ผมเลือกที่จะนิ่ง เขาก็หยุด แต่พออีกวันเขาก็เป็นคนปกติ เพราะรู้ว่าเขาเป็นอย่างไร เป็นโรคของเขา แต่แค่ว่าให้เขาหลับก่อน เพราะหลับยากต้องกินยานอนหลับทุกวัน มียากล่อมประสาทที่ใช้มาระยะเวลานาน จึงมักจะมีอาการแบบนี้

ส่วนในเรื่องประเด็นเงินที่เอต้องโอนให้นุช ความจริงที่ทราบมาจากทั้ง 2 คน นายคมสิทธิ์ เล่าว่า ที่ผมรู้ว่าเขามีข้อตกลงกันคือ เงินเดือนของเอในช่วงที่เป็นทหารนั้นเงินเดือนไม่พอใช้ เพราะทราบว่ามีข้อตกลงระหว่างนุชกับเอ ว่าถ้าไปกินเที่ยวแต่ละครั้งนั้น ถ้ามียอดเงินเท่าไหร่จะต้องหารกันคนละครึ่ง เอเป็นคนน่าจะชอบแสงสี เวลาออกไปร้านเหล้า แล้วมีความสุขสนุกมาก มักจะเรียก “แอ๊วนักร้อง” เป็นศัพท์ที่ตนไม่เคยได้ยิน เลยถามเอว่าแอ๊วนักร้องคืออะไร เอให้คำตอบตน ก็เหมือนกับที่เราไปอ่อยผู้ชายในร้านอาหาร ขอเพลงแล้วเอาเงินไปให้ อาจเชิญมาดื่มที่โต๊ะ มานั่งคุยกับเขา “ส่วนเงินก็ขอยืมจากนุชจ่าย” ซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร เพราะค่าใช้จ่ายในบ้านนั้นนุชเป็นคนออก และช่วยกันทำงานบ้านไม่มีใครเป็นคนรับใช้ หรือเป็นเจ้านาย อยู่กับแบบคนในครอบครัวเดียวกัน

หลายครั้งที่นุชบอกให้เอกลับไปบ้านเพราะทนไม่ไหวแล้ว แต่เอก็ไม่ยอมกลับ แถมเอยังให้พ่อแม่มาขอให้อยู่ต่อด้วย ซึ่งตนอยากให้ถามเอว่า “โดนไล่ออกไปกี่ครั้งแล้ว เขาก็ไม่ไป” พอไล่เสร็จจะมีแต่คำขอโทษ และขอโอกาส มีวันหนึ่งนุชโทรหาตนตอนดึกให้ไปรับตัวเอมานอนบ้านตนเอง ให้ออกไปจากชีวิต ตนก็งงว่าเกิดอะไรขึ้น จึงขับรถไปรับเอออกมาจากบ้าน ระหว่างทางไม่ถึงบ้านดี เอขอลง “บอกว่าพี่สิทธิ์ หนูรักและห่วงพี่นุช” ตนเลยย้อนถามว่าถ้าห่วงเขาแล้วทำแบบนี้ทำไม เอเขาขอโทษบอกจะไม่ทำอีก แต่ก็ไม่เคยเปลี่ยนนิสัยได้เลย โดนนุชไล่ไปหลายรอบแล้ว และ ไอ้คำที่ “จะฆ่าตัวตายให้หยุดพูด” พอไล่ให้ไปฆ่าตัวตายจริงๆ ก็ไปไหม และจะจบที่ “หนูกลัว” แล้วจะพูดทำไม

ในส่วนประเด็นเรื่องการถูกกักขังหน่วงเหนี่ยว นายคมสิทธิ์ เล่าว่า เวลานุชต้องไปทำงาน ตนเองก็งานเยอะ นุชก็จะไปกับเอตลอด เพราะเขาเป็นคนขับรถให้นุช เขาขับรถไม่เก่ง ไม่คุ้นเส้นทางไม่ค่อยรู้จักมากนัก เอจะรู้เส้นทางดี แต่เอไปให้ข่าวว่าโดนกักขังหน่วงเหนี่ยว ตนก็งงว่าถูกกักขังอย่างไร และเอเคยมาทำงานให้ที่บ้าน เขาบอกว่าเงินเดือนทหารไม่พอใช้จ่าย และขอทำงานด้วย ตนเองได้จ่ายงานให้ทำไป เริ่มต้นให้ไปดูหน้างานกับลูกน้องก่อน ทำเท่าที่ทำได้ และได้โทรเช็คกับลูกน้องบอกว่า ไม่เห็นทำอะไรเลย ได้แต่เดินไปมา และคุยโทรศัพท์ เลยปรึกษากับนุชว่าอนาคตอาจจะมีปัญหา เพราะในทีมทำงานกันหมด ค่าแรงเท่ากัน แต่เอไม่ทำงาน แต่ค่าแรงเท่ากัน เลยเปลี่ยนงานให้เอทำเรื่องบัญชี แต่มีข้อตกลงว่าถ้าทำงานได้ไม่มีปัญหาจะจ่ายเงิน คุยทดลองงาน 3 เดือน ช่วงแรกได้เงิน แต่พอช่วงหลังมีความเสียหายเลยไม่ได้เงิน เช่น พิมพ์ผิดพิมพ์ไม่ครบ ส่งข้อมูลทางไลน์ เป็นภาษาเขียนผิดพลาดจนเกิดความเสียหาย ซึ่งเมื่อเอทำผิดก็จะขอโทษและขอโอกาส จะเป็นอย่างนี้ซ้ำๆ จนตนเองก็ทนไม่ไหว

ส่วนกรณีที่เรียกทหารรับใช้เท่าที่เห็นนั้น นุชซักผ้า เอช่วยตาก นุชล้างจาน เอช่วยเก็บ ชั้นบนนุชกวาด ชั้นล่างเอกวาด แต่มีเรื่องขับรถที่จะเห็นเอเป็นคนขับให้นุช ถ้าคนรับใช้ที่เคยเห็นจะแต่งตัวอีกแบบหนึ่ง บ้านผมเคยมี ทำงานบ้าน กินแยกกัน แต่ของเอไปร้านอาหารก็นั่งกัน 3 คน กินด้วยกัน กินเหล้าก็ด้วยกัน ไม่ได้แบ่งแยก

นายคมสิทธิ์ จังพานิช กล่าวอีกว่า ตอนแรกเห็นเขาพูดและให้ข่าวว่านุชเป็นคนทำเขา และแปลกใจว่าทำไมไม่พูดถึงตนเอง ทั้งที่ตนก็ทำแต่ไม่พูดถึง เลยสรุปกันว่าจะรอดูก่อนว่าเด็กคนนี้จะทำอะไรอีก แต่ด้วยพฤติกรรมที่แปลกๆ ว่าทำไมถึงพูดไม่หมด และที่ผมเคยทำร้ายเอนั้น ผมไม่ได้ถ่ายคลิปไว้ ตนเองยืนยันความบริสุทธิ์ใจ และยอมรับว่าผมตีเขาจริง เคยเอาไม้ตีเขาจริง เหตุเกิดตามที่เขาพูด ผมก็ลูกผู้ชายคนหนึ่ง มีข้อสงสัยเด็กคนนี้ว่าทำไมให้ข่าวแบบนี้ ตนรู้สึกเสียใจและเสียความรู้สึก ที่เอทำกับแฟนและตนเองแบบนี้ สำหรับเรื่องทางคดีที่ กัน จอมพลัง ได้พาเอไปแจ้งความที่ สภ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ตนเองได้ปรึกษากับทนาย และเตรียมพยานหลักฐานไว้แก้ต่างหมดแล้ว ขออย่างเดียวให้เอพูดความจริง และเลิกโกหกสร้างเรื่องเสียที

ในวันที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไปรับเอออกจากบ้านนุชมา ก็ไม่ได้มีบาดแผลอะไร แต่พอหายออกจากบ้านมา 2-3 วัน และมาร้องเรียนสื่อ กลับมีบาดแผลหลายที่ก็เลยอยากถามว่า บาดแผลมาจากไหน แล้วทำไมไม่กลับไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลเดิมที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจส่งไปตรวจตอนแรก แต่กลับไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลอีกแห่งหนึ่ง ที่ผ่านมาเอบอกว่ารักนุช เป็นห่วงนุช และบอกว่ารักและเคารพตนเอง แต่กลับมาทำอย่างนี้ ซึ่งเมื่อเอไปแจ้งความเอาผิดกับตนเอง ก็ยอมรับผิดและจะไปมอบตัวด้วย แต่เมื่อไหร่เอจะหยุด

ตนอยากจะเตือนไว้ ตอนนี้ไม่รู้ว่าเอจะทำอะไร แต่เชื่อว่าน่าจะตกเป็นเครื่องมือของคนอื่น ถ้าเอยังไม่หยุดในตอนนี้ สุดท้ายเอจะลำบากคนเดียว อยากให้จำคำตนเองไว้ เพราะที่ผ่านมาสอนมาตลอด และเคยร้องไห้กับเอ อยากให้เอนึกย้อนกลับไปว่าตนนั้นหวังดีมาตลอด ทุกครั้งที่ถูกตบตี ก็จบด้วยการสอนเอทุกครั้ง อยากให้เอนึกให้ดีๆ อยากจะฝากถึงเอว่า ที่ผ่านมาเคยบอกเอไว้เสมอว่าคนเราเท่ากัน อยากให้จำคำเอาไว้ ทุกวันนี้เอหลงผิด หรือทำอะไรไม่รู้ และก็สงสัยว่าเอทำอะไรอยู่ แต่ขอให้หยุดซะ นายคมสิทธิ์ กล่าว

Related News