7 พฤศจิกายน 2024

แม่หายตัว พ่อบอกว่าหนีออกจากบ้านไปแล้ว แต่ลูกชายไม่เชื่อ ขุดกองดินปริศนาที่เพิ่งโผล่หลังบ้าน เจอศพแม่อยู่ก้นหลุม

ศูนย์วิทยุ สภ.ตำบลตาเซะ อ.เมืองยะลา ได้รับแจ้งพบศพถูกฝังดิน จึงได้แจ้งให้ พ.ต.ต.อิสระพันธ์ สุรทิพย์ สว(สอบสวน)สภ.ตาเซะ รุดไปที่เกิดเหตุ ในพื้นที่ หมู่ที่ 1 บ้านยุโป ต.ยุโป อ.เมืองยะลา จ.ยะลา หลังรับแจ้ง จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ แล้วเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมด้วย พ.ต.ท.อรรถพล กุลวงษ์มาณะโส สวญ.สภ.ตาเซะ นำกำลังเจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐานที่ 10 ยะลา ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง และ กู้ชีพ-กู้ภัยแม่กอเหนี่ยวยะลา เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ

ในที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียว หมู่ที่ 1 บ้านยุโป ต.ยุโป อ.เมืองยะลา จ.ยะลา ห่างออกไปประมาณ 30 เมตร บริเวณหลังบ้านเป็นสวนผลไม้ เจ้าหน้าที่พบกองดินมีหญ้าและกิ่งไม้ปกคลุม เจ้าหน้าที่จึงได้ประสานนำรถขุดขนาดเล็ก ทำการขุดดินขึ้นมา จนพบศพเพศหญิงอายุประมาณ 50 ปี สภาพสวมเสื้อสีน้ำตาล นุ่งผ้าถุง

ชุด กู้ชีพ-กู้ภัยแม่กอเหนี่ยวยะลา นำร่างขึ้นมาตรวจสอบเบื้องต้น พบมีบาดแผลบริเวณศีรษะและร่างกาย ทราบชื่อ คือ นางอาภรณ์ อายุ 55 ปี จ.สุราษฎร์ธานี เจ้าหน้าที่จึงได้ เคลื่อนย้ายศพไปยังโรงพยาบาลศูนย์ยะลา เพื่อชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยเบื้องต้นพบว่า เมื่อวันที่ 1 พ.ย.65 เวลาประมาณ 07.40 น. นายเฉลิมพล อายุ 28 ปี พนักงานโรงงานซองเอกสาร ซองใส่เอกสาร บุตรชาย ของผู้เสียชีวิต ได้เข้าแจ้งความ กับ ร.ต.อ.พัฒนา แก่นแก้ว พงส.เวรประจำ สภ.ตาเซะ อ.เมืองยะลา ว่าแม่ ได้หายตัวไป โดยพบเห็นครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 30 ต.ค.65 เวลาประมาณ 20.30 น. และนายเฉลิมพล สงสัยว่าแม่ น่าจะเกิดอันตราย และได้สงสัย นายสมมิตร ผู้เป็นพ่อ ที่พยายามบอกตนว่าแม่ ได้หนีออกไปอยู่กับญาติที่ จ.นครศรีธรรมราช จะไม่กลับมาที่บ้านอีก และยังพูดจาวกไปวนมา วิตกกังวล

อีกทั้งมีกองดินซึ่งมีหญ้าและกิ่งไม้ปกคลุมอยู่บริเวณหลังบ้านพักซึ่งไม่เคยมีมาก่อน ห่างจากตัวบ้านประมาณ 25 – 30 เมตร และต่อมา ในวันที่ 6 พ.ย.65 เวลาประมาณ 14.00 น. บุตรชาย พร้อมด้วย พรรคพวกได้นำรถแม็คโฮขนาดเล็กไปทำการขุดกองดินดังกล่าว จนพบศพของนางอัมภรณ์ ผู้เป็นแม่ อยู่ในหลุม โดยสภาพศพมีร่องรอยถูกทำร้ายบริเวณศีรษะ เสียชีวิตมาแล้วหลายวัน ขณะที่เพื่อนบ้านเผยก่อนหน้า ทั้งคู่มีปากเสียงกันอย่างรุนแรง สุดท้ายจากการสืบสวนสอบสวน นายสมมิตร ผู้เป็นสามี รับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุในครั้งนี้ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะได้ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

Related News