ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีชาวบ้านออกหาเห็ดป่าไปพบศพชายหญิงเปลือยกายถูกฆ่าฝังดินและปูนซิเมนต์เททับอยู่ภายในป่าสาธารณะประโยชน์ริมถนนเชื่อมต่อหมู่บ้านดอนไพลหมูที่ 7 ต.ท่าเยี่ยม และ หมู่บ้านดอนไพลหมู่ที่ 1 ต.รุ่งอรุณ อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา อ.โชคชัย จ.นครราชสีมาติดกับร้านขาย เชือกฟาง เชือกมัดของ เมื่อช่วงเย็นวันที่ 28 กรกฎาคม 2565 ที่ผ่านมา โดยศพทั้งสองคนนอนเปลือยกายหันหัวไปคนละฝั่งโดยผู้หญิงอยู่ด้านบนทับฝ่ายชาย ไม่มีหลักฐานใดๆ และศพทั้งสอง ถูกคนร้ายใช้ปูนซิเมนต์สำเร็จเททับทั่วร่างเพื่อป้องกันการส่งกลิ่นเหม็น โดยศพผู้หญิงมีรอยสักบริเวณหลังสะโพกที่จะสามารถใช้เป็นหลักฐานพิสูจน์ได้ว่าผู้ตายเป็นใคร
ชาวบ้านผงะ พบศพชาย-หญิง ถูกฆ่าเปลือยฝังดินอำพรางในป่า หันหัวไปคนละฝั่ง
จากการพิสูจน์สภาพศพของแพทย์ รพ.โชคชัย คาดว่าทั้งสองคนจะเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 1 สัปดาห์ ตำรวจได้สอบถามชาวบ้านแถวนั้นก็ไม่มีใครรู้จัก และไม่มีการแจ้งบุคคลสูญหายในพื้นที่ จึงคาดว่าทั้ง 2 ศพนี้ จะถูกฆาตกรรมในพื้นที่อื่น แล้วผู้ก่อเหตุได้นำศพมาฝังไว้ที่บริเวณนี้เพื่ออำพรางคดี
ล่าสุดวันนี้ (29 ก.ค.65) นายอภินันท์ ชาวบ้าน บ้านทุ่งอรุ่น ต.ทุ่งอรุ่น อ.โชคชัย ผู้ที่พบศพเป็นคนแรก เปิดเผยว่า ในวันนั้นเป็นวันหยุดตนก็เลยออกไปเก็บเห็ดเพื่อจะนำมาขาย ซึ่งปกติแล้วตนไม่ได้เก็บเห็ดเป็นประจำ พอเวลาประมาณ 10.00 น. ตนได้เดินไปถึงบริเวณที่พบศพเห็นเป็นรอยดินยุบตัวลงไปเป็นลักษณะสี่เหลี่ยมผืนผ้าคล้ายกับหลุมศพ เห็นดังนั้นตนก็เลยแจ้งไปทางผู้ใหญ่บ้านให้มาตรวจสอบ โดยในระหว่างนั้นตนก็สำรวจบริเวณโดยรอบแต่ก็ไม่มีอะไรที่จะผิดสังเกต นอกจากนั้นยังไม่ได้กลิ่นของศพที่ฝังอยู่ในหลุมเลยแม้แต่นิดเดียว พอได้มีการขุดหลุมดังกล่าวแล้วพบว่าเป็นศพคนตนก็รู้สึกตกใจมาก แต่ก็ยังยืนยันว่าศพทั้ง 2 ราย ที่อยู่ในหลุมนั้นตนไม่คุ้นและไม่รู้จักเลยว่าศพทั้ง 2 ศพดังกล่าวเป็นใคร
ทางด้านนายเทพบัญชา ทรายกระโทก ผู้ใหญ่บ้าน.ม13 บ้านหัวสระพาน ต.ทุ่งอรุ่น อ.โชคชัย หนึ่งในคนที่เดินทางไปยังจุดเกิดเหตุ เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ได้รับแจ้งจากทางชาวบ้านที่ไปพบหลุมดังกล่าวประมาณ 10.00 น. แต่ตนยังติดประชุมอยู่เลยได้มีการนัดกันใหม่อีกครั้งตอน 12.00 น. จึงได้รวมตัวกันลงไปพื้นที่เกิดเหตุแต่ตอนนั้นยังไม่ได้แจ้งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเพราะยังไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นหลุมอะไร จนได้ประสานไปยังกำนัน และสายตรวจให้ลงพื้นที่มาช่วยกันตรวจสอบอีกครั้งในเวลา 15.00 น.
พอมาถึงจุดเกิดเหตุพบเป็นหลุมลักษณะสี่เหลี่ยมผืนผ้า บริเวณปากหลุมได้ยุบตัวลงไป สาเหตุน่าจะมาจากในช่วงที่ผ่านมามีฝนตกลงมาในพื้นที่จนทำให้หน้าดินเกิดการยุบตัวลงไป จนเป็นที่น่าผิดสังเกตของชาวบ้านที่สงสัยว่ามีอะไรฝังอยู่ข้างในหลุม จนมีการตัดสินใจของชาวบ้าน ผู้ใหญ่บ้านและกำนันว่าจะลงมือขุดหลุมดังกล่าวโดยที่ทางกำนันเป็นคนอาสาถ่ายวิดีโอไว้ให้เพื่อเก็บเป็นหลักฐาน ก่อนที่จะเริ่มลงมือขุด ขุดไปได้สักครู่ก็พบชั้นของปูนแล้วก็ศพผู้หญิงที่ลักษณะนอนคว่ำหน้ามีปูนโบกทับไว้ที่บริเวณลำตัวส่วนหัวนั้นไม่ได้โบกปูนทับไว้ เห็นตอนแรกยังไม่คิดว่าจะเป็นศพ แต่พอขุดต่อไปจนได้เห็นส่วนของแขนจึงแน่ใจแล้วว่าเป็นศพ จึงได้ติดต่อไปยังหน่วยกู้ภัยและทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ
โดยตอนแรกที่ขุดยังรู้ว่ายังมีศพผู้ชายอยู่ด้านล่างเพราะว่ามีลักษณะที่นอนทับกันอยู่และมีปูนอีกชั้นเป็นตัวกั้นเลยทำให้ไม่เห็นศพผู้ชายในตอนแรก พอขุดศพของผู้หญิงขึ้นมาไว้บนปากหลุมแล้วสังเกตุได้ว่าภายในหลุมปรากฏขาของอีกศพนึงโผล่ขึ้นมาเลยทำให้แน่ใจว่าภายในหลุมยังมีศพอยู่อีกศพหนึ่งจึงได้เร่งช่วยกันขุดขึ้นมาพบว่าเป็นศพของผู้ชายที่ถูกฝังอยู่ด้วยกัน ซึ่งตนคาดว่าน่าจะเป็นคนนอกพื้นที่เพราะในพื้นที่ยังไม่ได้มีการแจ้งเหตุคนหาย
ขณะเดียวกัน นางสาววิภาพร เจ้าหน้าที่อาสาฮุก31 จุดโชคชัย ได้เล่านาทีที่ขุดเจอศพ ว่า ตอนที่ขุดเจอนั้นเจอศพของทางด้านผูหญิงก่อน โดยระหว่างที่ยกศพของผู้หญิงขึ้นมาอยู่ๆก็พบขาของมนุษย์โผล่ขึ้นมาพ้นพื้นดิน ซึ่งคิดว่าน่าจะเป็นอีกศพที่ฝังเอาไว้ด้วยกันก่อนที่จะขุดขึ้นมาพบเป็นศพเพศชาย โดยที่ขนาดของหลุมนั้นมีขนาดความกว้าง 80 เซนติเมตร ยาว 240 เซนติเมตร และมีความลึกอยู่ที่ 70 เซนติเมตร โดยลักษณะของการฝังก็คือคนร้ายน่าจะขุดหลุมฝังผู้ชายก่อนแล้วเทปูนทับลงมาแล้วค่อยนำผู้หญิงมานอนคว่ำหน้าบนร่างของผู้ชายก่อนที่จะเทปูนทับอีกรอบหนึ่งโดยเว้นส่วนหัวและขาเอาไว้
ในส่วนของความคืบหน้าของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการเรียกสอบปากคำพยานที่ไปพบสถานที่เกิดเหตุครบแล้ว ก็ได้กระจายกำลังลงพื้นที่สืบสวนหาข้อมูลเพิ่มเติม ทั้งการตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่อยู่ใกล้กับจุดเกิดเหตุให้ได้มากที่สุด รวมถึงนำเครื่องตรวจหาโลหะเข้าทำการตรวจสอบจุดที่พบศพซ้ำเพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติม แต่ล่าสุดยังไม่พบข้อมูลเพิ่มเติม นอกจากรอยสักคล้ายมงกุฎที่อยู่กลางหลัง และรอยสักรูปเป็นลักษณะคล้ายสายดอกไม้คล้องข้อมือขวาของศพหญิงสาว
ทั้งนี้ยังคงต้องรอผลการชันสูตรทางนิติเวชทั้งสองศพอย่างละเอียดจากทางโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา เพื่อที่จะนำมาวิเคราะห์ระบุถึงรายละเอียดของทั้งสองศพอีกครั้ง ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นชาวต่างชาติหรือแรงงานต่างด้าวเนื่องจากรอยสักที่พบบนร่างของหญิงสาวนั้นไม่ค่อยเป็นที่นิยมของคนในประเทศ จึงได้มีการนำรูปภาพรอยสักของหญิงสาวออกประชาสัมพันธ์ทุกช่องทาง โดยเฉพาะตามโรงงานต่างๆที่มีแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานเป็นจำนวนมาก เพื่อที่จะหาข้อมูลมายืนยันตัวบุคคลให้ได้ก่อน
และล่าสุดมีรายงานว่าทางเจ้าหน้าที่นิติเวชมีการตรวจพบมีร่องรอยถูกอาวุธปืนไม่ทราบขนาดอยู่บริเวณศีรษะของทั้ง 2 ศพด้วย